วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2556

English


           

Ginseng


Binomial name:  Aloe vera

Descriptive structure 
Aloe vera is a stemless or very short-stemmed succulent plant growing to 60–100 cm (24–39 in) tall, spreading by offsets.The leaves are thick and fleshy, green to grey-green, with some varieties showing white flecks 
on their upper and lower stem surfaces.The margin of the leaf is serrated and 
has small white teeth.The flowers are produced in summer on a spike up to 90 cm
 (35 in) tall, each flower being pendulous, with a yellow tubular corolla 2–3 cm (0.8–1.2 in) long.


uses  
Scientific evidence for the cosmetic and therapeutic effectiveness of 
aloe vera is limited and when present is frequently contradictory.
Despite this, the cosmetic and alternative medicine industries regularly make 
claims regarding the soothing, moisturizing, and healing properties of aloe vera commercially advertised mainly for skin conditions such as sunburns, cold sores and frostbite.
Nonetheless, its power in aiding with the regulation of bowels, epilepsy, depression, diabetes, multiple sclerosis, glaucoma, and a host of other ailments remains beneficial to humans.Other uses for extracts of Aloe vera include the dilution of semen for the artificial fertilization of sheeps, as a fresh food preservative.



Jirapinya Petcharat  class.5/5  No.25





วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

PHP ,MySql เขียนโปรแกรม



MySql 


<body>
<?php
$score=100;

if($score<50){
echo 'grade 0';
}else if ($score<56){
echo 'grade 1';
}else if ($score<60){
echo 'grade 1.5';
}else if ($score<66){
echo 'grade 2';
}else if ($score<70){
echo 'grade 2.5';
}else if ($score<76){
echo 'grade 3';
}else if ($score<80){
echo 'grade 3.5';
}else if ($score>80){
echo 'grade 4';

?>
</body>
</html>

วันพุธที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2556

วิธีติดตั้ง Flash บนมือถือ Android


วิธีติดตั้ง Flash บนมือถือ Android



วิธีติดตั้ง Flash บนมือถือ Android
หลังจากที่ทาง Adobe ได้นำแอพ Adobe Flash Player ออกมาจาก Play Store ทำให้อุปกรณ์แอนดรอยด์ (Android) รุ่นใหม่ๆ ที่รันบนเวอร์ชั่น Android 4.2, Android 4.3 หรือแม้แต่เครื่องเก่าที่เพิ่งติดตั้งเฟิร์มแวร์ใหม่ หรือเพิ่ง Factory Reset ไปนั้นก็ไม่สามารถติดตั้ง Adobe Flash Player ลงเครื่องได้แล้ว .. โดยในทิปส์/ ทริคนี้ เราจะมาดูวิธีติดตั้ง Flash บน Android กัน มีเพียงไม่กี่ขั้นตอนง่ายๆ เลยจ้า

ขั้นตอนที่ 1 : สิ่งที่ต้องเตรียม 
Install Flash on Android Device_01
ก่อนจะเริ่มติดตั้ง Flash กัน เราต้องเปิดฟีเจอร์ "Allow installation of apps from unknown sources" กันก่อน เพราะว่าแอพที่เราจะติดตั้งไม่ได้มาจาก Google Play และเมื่อเปิดแล้วหลังติดตั้ง Flash เสร็จ อย่าลืมมาติ๊กออกด้วยนะ ใครเปิดฟีเจอร์นี้ไม่เป็นให้ไปที่ Settings > Security > เลื่อนไปที่คอลัมน์ Device Administration และติ๊กถูกหน้า "Unknown Sources"

ขั้นตอนที่ 2 : ดาวน์โหลด Flash Player ด้วยคอมพิวเตอร์
Install Flash on Android Device_02
คลิกที่นี่เพื่อ ดาวน์โหลด Flash Player และเมื่อเปิดหน้าเว็บมาให้เลื่อนลงมาตรงหัวข้อ "Flash Player for Android" จะมีให้เลือกดาวน์โหลด 2 เวอร์ชั่นนั่นคือ Android 4.x และ Android 2.3.x & Android 3.x ทีนี้เราก็เลือกดาวน์โหลดให้ตรงกับเวอร์ชั่น Android ของมือถือเรา .. เมื่อดาวน์โหลดเสร็จแล้ว ก็คัดลอกไฟล์ลงอุปกรณ์ Android ของคุณเลย

ขั้นตอนที่ 3 : ติดตั้ง Flash Player บน Android
 
Install Flash on Android Device_03  Install Flash on Android Device_04  Install Flash on Android Device_05
 
เปิดแอพจัดการไฟล์พวก File Explorer หรือ File Manager ขึ้นมา และไปยังที่เก็บไฟล์ตัวติดตั้ง "install_flash_player_ics.apk" หรือ "install_flash_player_pre_ics.apk" หลังจากนั้นก็กดติดตั้งเลย เพียงเท่านี้ก็สามารพเล่น Flash บน Android ได้แล้ว

ขั้นตอนที่ 4 : วิธีการใช้ Flash Player บน Android
 
Install Flash on Android Device_07  Install Flash on Android Device_08  Install Flash on Android Device_09
 
สำหรับการเล่น Flash บนหน้าเว็บไซต์นั้นมีเว็บบราวเซอร์ที่รองรับ Flash อยู่แน่ๆ 2 ตัว คือ Mozilla Firefox และ Dolphin Browser โดยของ Mozilla Firefox ไม่ต้องเปิดใช้งานก็สามารถเล่นได้ แต่ Dolphin Browser ต้องไปเปิดใช้งานที่ Settings > Page Content Settings > Flash Player > Always On .. สำหรับ Chrome for Android นั้นไม่รองรับเน้อ
 
เพียงเท่านี้ก็สามารถเล่น Flash บนอุปกรณ์ Android ได้อย่างฉลุยแล้วครับ !
แหล่งอ้างอิง androidpit.com





http://tips.thaiware.com/176-Install-Flash-on-Android-Device.html

จะเขียนโปรแกรมบนแอนดรอยด์จะต้องติดตั้ง Software อะไรบ้าง ?




จะเขียนโปรแกรมบนแอนดรอยด์จะต้องติดตั้ง Software อะไรบ้าง ?



                   จะเขียนโปรแกรมบนแอนรอยด์จะต้องติดตั้ง Software อะไรบ้าง ? 

                   - เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า Android ได้รับความนิยมมากที่สุดในบรรดา OS ที่ถูกติดตั้งบน SmartPhone หรือ Tablets ในรุ่นต่าง ๆ ที่ออกสู่ท้องตลาดในปัจจุบัน ดังนั้นจะไม่ขออธิบายรายละเอียดมากว่า Android คืออะไรมีประวัติอะไร Android เป็น OS ที่เป็น Open Source ของค่าย Google ออกมาเมื่อประมาณปี 2006 ที่ทำงานบน SmartPhone หรือ Tablets ทำหน้าที่ควบคุมอุปกรณ์ต่าง ๆ ร่วมกับ App ที่พัฒนาขึ้นบน Android นั่นเอง Android เป็น OS ที่มาทำตลาดแข่งขันกับ iOS ของค่าย Apple และในขณะนี้ Android ก็ได้แซงล้ำหน้า iOS เป็นที่เรียบร้อยแล้ว (จำนวนผู้ใช้งาน) อันเนื่องจากเป็น Open Source ที่สามารถใช้งานได้ฟรี และติดตั้งได้กับ SmartPhone หรืออุปกรณ์ได้หลากหลาย และนัก Developer ทั้งหลาย สามารถพัฒนาApplication บน Android ด้วย Laptop / Notebook หรือ PC Desktop ธรรมดา อีกทั้งยังสามารถพัฒนาบนเครื่อง Mac ได้เช่นเดียวกัน จึงได้เกิดนักพัฒนาขึ้นมากมาย ซึ่งตรงกันข้ามกับ iOS ที่สามารถใช้ได้กับเครื่องของ Apple เท่านั้น และการพัฒนาโปรแกรมก็จะต้องทำบนเครื่อง Mac ในปัจจุบัน Android มี App หลายล้าน App (ที่อยู่ใน Android Market) ทั้งที่สามารถดาวน์โหลดได้ใช้งานได้ หรือเสียเงินซื้อ Android กำลังได้รับความนิยมจากองค์กรธุรกิจจำนวนมายที่นำ Application เหล่านี้มาใช้งาน่วมกับธุรกิจหลาย ๆ ประเภท เพราะฉะนั้นการที่จะหันมาศึกษา Android ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะช่วยส่งเสริมความรู้ความสามารถในการเขียนโปรแกรมได้เช่นเดียวกัน

                ความสามารถของ Android นั้นทำได้หลากหลายมาก สามารถเขียนทำงานร่วมกับ Hardware ได้เกือบทุกอย่าง เช่น การเขียน Application จัดการด้านฐานข้อมูล การเขียนควบคุมกับอุปรกรณ์ภายนอก การพัฒนาด้าน PGS (ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสนใจมาก) หรือแม้กระทั้งการออกแบบกราฟิกหรือการเขียนเกมส์ต่าง ๆ ก็สามารถพัฒนาใน Android ได้เช่นเดียวกัน 


Android Logo



Logo และสัญลักษณ์ ของ Android




ตัวอย่างอุปกรณ์และหน้าตาของ Android OS



Android Tablets



ตัวอย่าง Tablets ที่ติดตั้ง OS ของ Android



Android Tablets



อุปกรณ์อื่น ๆ ที่ติดตั้ง OS ของ Android


ในบทความนี้จะเรียนรู้พื้นฐานและองค์ประกอบที่จะนำมาเขียนโปรแกรมบน Android ว่าเราจะต้องเตรียมพร้อมและติดตั้ง Software อะไรบ้าง สำหรับพื้นฐานการเขียนโปรแกรมบน Android ถ้ามีพื้นฐานการเขียน JAVA มาก่อนแล้ว ก็จะสามารถเข้าใจโครงสร้างและรูปแบบการเขียนได้อย่างรวดเร็ว เพราะ Android จะใช้โครงสร้างของภาษา JAVA ในการพัฒนาเป็นหลัก และใน Android นั้นการเขียนโปรแกรมจะมี API Library ที่ถูกพัฒนาสำหรับ Android ให้เลือกใช้มากมายเช่น API Library ที่ช่วยจัดการเกี่ยวกับพวก Graphic การออกแบบ Multimedia หรือ API Library ที่เกี่ยวข้องกับ GPS , Bluetooth , EDGE , 3G , WIFI หรือ SQLite ที่จะเข้ามาจัดการเกี่ยวกับฐานข้อมูล Database ซึ่งถ้ามีโอากาสจะได้ทำการ Review เกี่ยวกับAPI Library ที่จะได้ใช้งานกันบ่อย ๆ 


Android SmartPhone

ตัวอย่างหน้าจอโปรแกรมต่าง ๆ ใน Android ที่ถูกติดตั้งลงใน SmartPhone


สิ่งที่ต้องมีในการเขียนโปรแกรม Android
1. Eclipse Development Tools and Java Development Kit (JDK)
2. ADT (Android Development Tools Plugin for eclipse)
3. Android SDK
4. Android Virtual Device Manager (Emulator)


สามารถดูวิธีการติดตั้งได้จากหัวข้อนี้ (ให้ติดตั้งจนครบทุกตัว)


ขั้นที่ 1 Eclipse Development Tools and Java Development Kit JDK

ขั้นที่ 2 ADT (Android Development Tools Plugin for eclipse)
Go to : Install ADT (Android Development Tools Plugin for eclipse) สำหรับเขียน Android

ขั้นที่ 3 Android SDK
Go to : Install ติดตั้ง Android SDK และการปรับแต่ง Eclipse สำหรับการเขียนโปรแกรมด้วย Android

ขั้นที่ 4 Android Virtual Device Manager (Emulator)
Go to : ติดตั้ง AVD - Android Virtual Device Manager จำลอง OS ของ Android (Emulator)
อ้างอิง http://www.thaicreate.com/mobile/basic-android.html





http://arit.rmutsv.ac.th

เหตุผลที่เราควร Root Android



เหตุผลที่เราควร Root Android



ผู้ใช้สมาร์ทโฟน Android คงเคยลังเลที่จะ Root เครื่องของตัวเอง สำหรับการ Root นั้นหมายความว่าจะทำให้คุณสามารถปรับแต่ง และควบคุมมือถือ Android ได้อย่างเต็มที่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การ Root ก็มีความเสี่ยงอาจทำให้สมาร์ทโฟนได้รับความเสียหาย รวมถึงหมดประกันด้วยนะ เพราะฉะนั้นต้องใช้ความรู้ ความสามารถพอสมควรครับ
สำหรับ Root Android คือ การได้รับสิทธิ์ผู้ใช้ขั้นสูงสุด ยกตัวอย่าง เหมือนกับเป็น Admin บนคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีสิทธิ์มากกว่าผู้ใช้ทั่วไป โดยคุณสามารถเข้าไปแก้ไขไฟล์ต่างๆ ถึงชั้นในสุดของระบบปฏิบัติการ Android นั่นเอง คราวนี้เรามาดู เหตุผลที่เราควร Root Android กันดีกว่าครับ

1. Custom Roms
Root Android_01
จัดว่าเป็นเหตุผลอันดับ 1 ในการ Root Android โดยในเว็บไซต์นักพัฒนาอย่าง XDA Forums ได้มีการพัฒนา และปล่อยให้ดาวน์โหลด Custom Roms เยอะมากๆ มีเกือบทุกรุ่น ทุกเวอร์ชั่น ส่วนความสามารถของ Custom Roms นั้นก็มีมากมาย เช่น เปลี่ยนธีม, อายุการใช้งานของแบตเตอรี่ยาวนานขึ้น, ปรับแต่งตัวเครื่องได้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น, นำฟีเจอร์ของค่ายอื่นมาใส่, เครื่อง Android ทำงานเร็วขึ้น, ติดตั้ง Apps ลงบน SD Card หรืออัพเดตเฟิร์มแวร์ได้เร็วกว่าใคร เป็นต้น

2. Custom Kernels

Root Android_03
Kernels เป็นเหมือนกับเป็นตัวเชื่อมการทำงานระหว่างฮาร์ดแวร์ และซอฟต์แวร์นั่นเอง เราสามารถใช้ Kernels ที่ติดมากับ Custom Roms หรือว่าจะดาวน์โหลด Kernels อื่นๆ ที่มีประสิทธิภาพในการทำงานสูงมาใช้ก็ได้ครับ โดยประโยชน์หลักๆ ของ Custom Kernels คือ การปรับความเร็วของหน่วยประมวลผล (Overclock หรือ Underclock) ซึ่งจะทำให้ มือถือ Android ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีกั๊ก และยังประหยักแบตเตอรี่อีกด้วยนะ ยกตัวอย่างเช่น สมมุติว่าคุณใช้ Samsung Galaxy S2 ซึ่งมีสเปคที่ต่ำกว่า Galaxy S4 แต่คุณสามารถปรับแต่ง Kernels ของเครื่องคุณให้ทสามารถทำงานได้เทียบเท่า Galaxy S4 ได้ด้วยการปรับแต่ง Kernels ครับ

3. อัพเกรด เฟิร์มแวร์ (Firmware) ตัวล่าสุด โดยที่ไม่ต้องรอศูนย์

Root Android_03
ถ้าคุณ Root Android ก็สามารถที่จะอัพเกรดซอฟต์แวร์ หรือเฟิร์มแวร์ตัวล่าสุดได้ทันที โดยที่ไม่ต้องไปนั่งรอค่ายผู้ผลิตมือถือของคุณให้เสียเวลา ในเรื่องการติดตั้งตัวอัพเดตก็ไม่ยากเลย รับรองว่าคุณจะได้ลองฟีเจอร์ใหม่ๆ ก่อนใครเพื่อนอย่างแน่นอน แถมเฟิร์มแวร์ที่อัพเดตยังมีประสิทธิภาพของที่ดีกว่าเฟิร์มแวร์จากค่ายผู้ผลิตมือถืออีกด้วยครับ

4. เครื่องทำงานเร็วขึ้น และแบตเตอรี่ใช้ได้นานขึ้น
 
หลังจากที่เรา Root Android แล้ว แน่นอนประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องต้องเร็วขึ้นแน่นอน พร้อมกับแบตเตอรี่ที่สามารถเล่นได้นานขึ้น ยกตัวอย่างเช่น เราปรับแต่งให้หน่วยประมวลผลทำงานน้อยลงเมื่อหน้าจอถูกล็อค หรือช่วงเวลาที่เราไม่ได้เล่นเกมหนักๆ เป็นต้น

5. ถอนการติดตั้ง แอพพลิเคชั่น ที่ไม่ค่อยได้ใช้ ซึ่งติดมากับเครื่อง
เคยสังเกตกันไหมครับ เวลาเราใช้ มือถือ Android แล้วมีแอพแปลกๆ ที่ติดมากับเครื่อง แล้วไม่ค่อยได้ใช้ แถมยังลบไม่ได้อีก ! แต่ปัญหาเหล่านี้จะหมดไปเมื่อคุณ Root Android คุณสามารถลบแอพพลิเคชั่นเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย แต่ต้องระวังอย่าไปลบไฟล์ หรือแอพที่เกี่ยวข้องกับระบบการทำงานภายในของ Android นะ

6. ติดตั้ง แอพพลิเคชั่น นอกเหนือจากบน Play Store
Root Android_06
คุณสามารถติดตั้งแอพพลิเคชั่น ที่สามารถใช้เฉพาะเครื่องที่ Root Android บน Play Store ได้ทั้งหมด เช่น Titanium Backup, SetCPU for Root Users หรือ My Backup Root เป็นต้น ซึ่งแอพพวกนี้มีประโยชน์มากเลยทีเดียว แต่ต้องขอ Permission จากการ Root ก่อนนะถึงจะใช้ได้

7. ปรับแต่งเครื่องได้ถึงระดับ Advanced
Root Android_07
เมื่อ Root Android จะทำให้คุณเจาะลึกเข้าไปถึงภายในระบบได้อย่างเต็มที่ แก้ไขคำสั่ง Config ต่างๆ, เพิ่ม Widget บน Notification Bar, ติดตั้งแอพที่ไม่มีในประเทศของคุณ หรือแม้แต่การกู้ไฟล์ที่หายไปก็สามารถทำได้ครับ

8. แบ็คอัพข้อมูลได้ดีขึ้นกว่าเดิม
Root Android_08
หลังจากที่ Root Android เรียบร้อยแล้ว จะมีแอพที่เอาไว้แบ็คอัพข้อมูลได้ดีกว่าเดิม ยกตัวอย่างเช่น Titanium Backup เป็นแอพที่จะช่วยคุณในการแบ็คอัพสิ่งต่างๆ บนสมาร์ทโฟนได้หมด ไม่ว่าจะเป็น การตั้งค่า, เกมที่เล่นค้างไว้, รูปภาพ, วิดีโอ และอื่นๆ

9. ย้ายแอพพลิเคชั่น ไปยัง SD Card ได้
Root Android_09
 
หลายคนคงรู้สึกหงุดหงิดกับ Android ที่ไม่สามารถติดตั้งแอพลงบนได้เฉพาะบน Internal Memory เพียงเท่านั้น แต่ถ้าคุณ Root Android ปัญหานี้จะหมดไป เพราะคุณสามารถย้ายแอพจาก Internal Memory ไปยัง SD Card ได้ ทำให้ประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้เป็นอย่างดี

การ Root Android เป็นทางเลือกของคนที่ชอบจะปรับแต่งเครื่อง ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพเหมาะสมกับสเปคเครื่อง ซึ่งจะ Root หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการ และขอบเขคการใช้งานของแต่ละคน และระหว่าง Root Android ต้องอ่านให้เข้าใจ และทำตามขั้นตอนอย่างระมัดระวังด้วยนะครับ wink
แหล่งอ้างอิง http://gadgetgyan.in





http://tips.thaiware.com/160-Why-we-need-to-root-Android.html

Root มือถือ Android คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?


Root มือถือ Android คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?



Root คืออะไร

ในโลกของ iPhone มี Jailbreak , ในโลกของ Android ก็มี Root แล้ว Root คืออะไรหล่ะ?

การ Root คืออะไร?
      - การ Root ก็คือการแก้ไข OS (ในที่นี้คือ Android เวอร์ชั่นต่างๆ ที่มากับมือถือของคุณ) ทำให้คุณมีสิทธิที่จะควบคุม แก้ไข เปลี่ยนแปลงมือถือคุณได้อย่าง 100%
      - คำว่า Root มาจากโลกของ Linux (Operating System อันนึงของคอมพิวเตอร์ เช่น Windows , Mac OSX) … ที่หมายถึงผู้ใช้งานที่มีสิทธิสูงสุด … ถ้าในโลกของ Windows เค้าก็เรียกว่า Administrator เริ่มคุ้นๆม่ะ
      - เมื่อเราทำการ Root แล้วปกติ เราจะได้ App ชื่อว่า SuperSU หรืออีกตัวที่ชื่อว่า Superuser Permissions มา, App ตัวนี้จะทำการจัดการ Permission (การอนุญาติ) ของ App อื่นๆว่าจะให้ใช้งานแบบ Root User ได้หรือไม่


การ Root มีประโยชน์อย่างไร?
      - สามารถควบคุมแก้ไขมือถือเราได้ 100% :
ตัวอย่างเช่น เราสามารถลบ App ที่มากับ OS หรือที่มากับบริษัทมือถือยี่ห้อที่เราซื้อมาได้ … มือถือ Android แต่ละบริษัทจะมี App แถมมา, จะมีการแก้ไข OS ตัวดั้งเดิม(ที่สร้างโดย Google)ไม่มากก็น้อย  เช่นถ้าซื้อมือถือ Android ของ Samsung ก็จะมี App พวก ChatOn, AllShare Play, Game Hub, Samsung Apps store, S Suggest, S voice ซึ่งบางทีคุณอาจจะไม่ชอบ และต้องการลบ App พวกนี้ แต่หาทางลบไม่ได้,  สิ่งเดียวที่จะทำให้คุณลบมันได้ก็คือการ Root มือถือคุณ

      - สามารถ Backup และ  Restore ได้ทั้งระบบ:
ทั้งระบบหมายถึง ทั้ง OS Android เอง, ทั้ง App ที่เราลงไป, ทั้งข้อมูล Setting ของเราที่อยู่ใน OS Android และ ข้อมูลใน App พวกนั้น โดยสามารถทำการ Backup เป็น image file ได้ (เหมือนกับการที่เราใช้ Norton Ghost ทำการโคลน harddisk  ในคอมพิวเตอร์ที่ใช้ Windows) เมื่อเรา Backup แล้ว เราก็สามารถไปลองเล่น ROM อันอื่น (ประมาณว่า OS  อันอื่นๆที่มีหน้าตาต่างออกไป มี App ต่างออกไป เดี๋ยวจะอธิบายอีกทีนึง)  ถ้าไม่ชอบเราก็ลบ ROM นั้นและ Restore ระบบเราทั้งระบบตอนแรกที่  Back up ไว้กลับมาได้อย่างง่ายๆ
การ Backup แบบทั้งระบบนี้สามารถทำได้ด้วย โปรแกรม Recovery image ที่มีชื่อว่า  ClockworkMOD ตัวโปรแกรมนี้สามารถทำให้เรา boot มือถือได้โดยไม่ต้องเข้าไปใน OS หลัก เหมือนเราใช้แผ่น Boot เพื่อลง Windows หรือใช้ Norton Ghost เพื่อโคลน เมื่อเรา boot ด้วย ClockworkMOD แล้ว  ตัวโปรแกรมก็จะมี menu ให้ทำเราการ Backup/Restore , ลบข้อมูลทุกอย่าง(Factory reset), ลบข้อมูล cache ได้

       - สามารถลง App แบบพิเศษได้ (App ที่ต้องใช้การ Root)
เดี๋ยวผมจะแยกเขียนอีกหัวข้อนึง แต่แนะนำคร่าวๆก็คือ App ชื่อว่า Titanium Back  ซึ่งทำหน้าที่ Backup/Restore ได้ทั้งระบบ, App ชื่อว่า SetCPU ที่ทำการ Overclock , Underclock CPU ได้

       - สามารถลง Custom ROM ได้
ขออธิบายคำว่า ROM ก่อน , ROM มาจากคำว่า Read-Only Memory  หมายถึงตัว Memory ที่เราสามารถอ่านได้อย่างเดียว เขียน(แก้ไข เพิ่มเติม)ไม่ได้ … หรือถ้าทำได้ก็ทำได้ยาก ทำได้ช้า  โดยปกติ ROM จะถูกใช้เก็บ Firmware หรือ OS หลัก เพราะถึงแม้เรา Reset เครื่อง ข้อมูลมันก็ยังไม่หายไป ก็ยัง Boot เข้ามาที่ OS  ได้…
ROM ในโลกของ Android ก็หมายถึงตัว OS เอง เช่น Android 2.3 (Ginger bread), Android 3 (Honey comb), Android 4 (Ice cream sanwich), Android 4.1 (Jelly bean) เป็นต้น
ส่วน Custom ROM ก็หมายถึง ตัว Android ที่ถูกเปลี่ยนแปลง แก้ไข เพิ่มเติม … ทุกวันนี้ Android ที่คุณใช้ในมือถือแต่ละยี่ห้อก็เป็น Custom ROM ทั้งนั้น เช่น Samsung ก็แก้ไขแล้วตั้งชื่อว่า TouchWiz,  HTC  ก็แก้ไขแล้วใช้ชื่อว่า HTC Sense , แต่ที่น่าสนุกไปกว่านั้นก็คือ ไม่ใช่มีเพียงแต่บริษัทมือถือเท่านั้นที่ทำ Custom ROM ได้, นักพัฒนาหรือกลุ่มนักพัฒนาทุกวันนี้ก็ทำ Custom ROM ออกมาแจกจ่าย  ทำให้มีตัวเลือกเยอะแยะ , Custom ROM ที่ดีกว่าตัว ROM ดั้งเดิมที่มากับมือถือมีเยอะแยะไป  หน้าตาดีกว่า, การทำงานเร็วกว่า, ประหยัดแบตเตอรี่, ลบ App ไร้สาระออกไปแล้ว, สามารถจับสัญญาณ GPS ได้ดีกว่า, … เรียกว่าแก้ไข พัฒนาได้อย่างไร้ขอบเขต
เราสามารถลง Custom ROM ได้โดยใช้ ClockworkMOD เหมือนกัน… โดยทำการหาและโหลด custom ROM เองจาก Internet แล้วเอามาใส่ไว้ในเครื่องหรือ SD card  และใช้ ClockworkMOD ทำการ Install (ปล.มือถือคุณก็มีโปรแกรม Image Recover ตัวดั่งเดิมเหมือนกัน  แต่ต่างกันตรงที่ มันไม่สามารถลง Custom ROM ได้, มันไม่มี menu ให้เลือก, ดังนั้นถ้าเราเข้า Image Revery แล้วไม่มี menu ให้เลือก “Install zip from SDcard”  หรือ “Install zip from internal SDcard” ก็แสดงว่าเราลงโปรแกรม ClockworkMOD ไม่ถูกต้อง)
App อีกตัวที่เกี่ยวข้องมีชื่อ ROM manager ซึ่งเป็น App ที่ทำมาจากผู้พัฒนา ClockworkMOD เอง  โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อให้ทำการลงและจัดการ Custom ROM ง่ายขึ้น … ตัว App จะอยู่ใน OS  และประกอบไป ClockworkMOD (ลง ClockworkMOD ได้จาก ROM manager นี้) และรวบรวม Custom ROMไว้ใน App ด้วย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องไปหาจาก Internet และ Copy มาใส่มือถือเอง


วิธีการ Root มือถือคุณ
      -  ใน Internet , ใน Youtube มีตัวอย่างมากมาย เพียงแค่คุณ Search ชื่อมือถือคุณ และคำว่า Root เดี๋ยวก็ได้วิธีการแล้วครับ  … แต่เดี๋ยวหลังจากบทความนี้ ผมจะเขียนวีธี Root Galaxy SIII ให้ครับ






http://men.postjung.com/707774.html

20 เรื่องที่มือใหม่ Android ควรรู้

20 เรื่องที่มือใหม่ Android ควรรู้




บทความนี้สำหรับ thumbsuper ส่งต่อให้เพื่อนที่ไม่รู้เรื่องเทคโนโลยีนะครับ — การเดินเลือกซื้ออุปกรณ์พกพาชิ้นใหม่อย่างโทรศัพท์มือถือ หรือแท็บเล็ต นั้นสนุกก็จริง แต่เดี๋ยวนี้ก็มีทางเลือกให้เราเยอะแยะ จนบางทีก็ไม่รู้จะเริ่มอย่างไร แต่ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่สนใจอุปกรณ์ Android หรือคุณเพิ่งจะซื้อมันมาแล้วอยากจะใช้มันให้คุ้มค่า วันนี้เรามีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยในการใช้งานเบื้องต้นมาให้คุณ 20 ข้อ
1. Android คืออะไร?
Android คือระบบปฎิบัติการเหมือนกับเวลาเราเปิดคอมพิวเตอร์มันก็จะมี Windows หรือเปิด iPhone iPad มาแล้วมี iOS
2. ใครเป็นผู้สร้าง Android?
Google เป็นคนทำ Android (จริงๆ มีการสร้างมาก่อน แล้ว Google มาซื้อทีหลัง) และก็มีบริษัทผู้ผลิตหลายรายมาร่วมผลิต เช่น Samsung, HTC, LG และ Motorola ตอนนี้ก็มีหลายอย่าง เช่น โทรศัพท์ แท็บเล็ต และกล้อง
3. ทำไมทุกคนถึงมาพูดกันว่า “ไอติม” “เยลลี่ถั่ว” ตลอดเวลา มันศัพท์อะไร?
เวลา Google จะอัพเดต Android เวอร์ชั่นใหม่ๆ จะมีการตั้งชื่อให้เป็นขนมโดยเรียงตามลำดับตัวอักษร เพื่อให้นับได้ง่ายว่าใครมาก่อนมาหลัง ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เรียงจาก Eclair,? Froyo,? Gingerbread, Honeycomb, Ice Cream Sandwich และล่าสุดที่ชื่อว่า Jelly Bean แฟนๆ Android ชาวไทยก็เลยแปลกันเสร็จสรรพ
4. Android มีแอพพลิเคชั่นไหม?
มีครับ Android มีระบบให้คุณดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นที่เรียกว่า Google Play ในนั้นจะมีหนังสือ ดนตรี และหนังให้คุณดาวน์โหลดเช่นกัน ณ ปัจจุบันนี้น่าจะมากกว่า 450,000 แอพพลิเคชั่นแล้ว
5. ฉันสามารถใช้ Twitter กับ Facebook บนโทรศัพท์ Android ได้ไหม?
ได้สิครับ ถ้าใช้ไม่ได้นี่เป็นเรื่องแน่นอน ไม่ว่าคุณจะใช้ BlackBerry, iPhone, Windows phone หรือโทรศัพท์ที่ใช้ระบบ Android คุณใช้ Social Network เหล่านี้ได้แน่นอน
6. จะดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นลงอุปกรณ์ Android ได้อย่างไร?
มี 2 วิธีง่ายๆ อย่างแรกก็เข้าไปที่ Google Play ไม่ต้องต่อกับคอมพิวเตอร์ก็ดาวน์โหลดได้ อย่างที่สองก็คือเข้าเว็บไซต์ธรรมดาhttps://play.google.com/storeถ้าคุณล็อกอินด้วย Google Account? Google Play ก็จะเปิดตัวเลือกให้คุณติดตั้งแอพพลิเคชั่นตรงเข้าเครื่องของคุณ
7.? ฉันไม่ต้องเชื่อมต่อโทรศัพท์ของฉันกับคอมพิวเตอร์เพื่อที่จะลงแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ ใช่ไหม?
ไม่ต้องเลย! จะดาวน์โหลดผ่านการใช้อินเทอร์เน็ตบนมือถือด้วย data หรือ Wi-Fi ก็ได้ ไม่ต้องผ่านสายเคเบิลอะไร
8. เข้าใจล่ะ, แต่ถ้าฉันต้องการใส่รูปหรือหนังเข้าไปในโทรศัพท์ล่ะ จะทำได้อย่างไร?
มันมีวิธีง่ายๆ ในการถ่ายโอนไฟล์จากเครื่อง Android อย่างแรกเลยก็ใช้ Dropbox account plus ในแอพ Dropbox ที่ช่วยให้คุณอัพโหลดทุกสิ่งทุกอย่างที่อยากจะอัพผ่านทางคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือแท็บเล็ต หรือจะเชื่อต่อระหว่างโทรศัพท์กับคอมพิวเตอร์ก็ทำได้ง่าย แค่ลากแล้ววาง แล้วจัดหมวดหมู่ไฟล์ ง่ายนิดเดียว
9. ใช้ iPhone มาก่อนหน้านี้มีเพลงเก็บไว้เพียบเลย จะฟังเพลงพวกนี้บน Android ได้หรือเปล่า?
ได้สิครับ มีแอพพลิเคชั่นอย่าง doubleTwist ที่ทำงานได้คล้าย iTunes และเปิดให้คุณติดตั้ง iTunes music collection บนเครื่อง Android ของคุณ ถ้าคุณเก็บเพลงไว้นอก iTunes ก็ลากแล้วางไฟล์แบบที่ทำกับ Dropbox ก็ได้เหมือนกัน
10. ได้ยินชื่อเกม Angry Birds มานาน เล่นบน Android ได้หรือเปล่า?
ได้เลย บน Android จะมีเกมนี้ให้ดาวน์โหลดได้ฟรี
11. ผมมีโทรศัพท์ Android จาก Samsung ส่วนเพื่อนผมใช้ Android จาก HTC ทำไมหน้าตาของ Android ถึงดูแตกต่างกัน?
Google สร้างซอฟต์แวร์ Android ออกมา แล้วก็เปิดให้บริษัทผู้ผลิตฮาร์ดแวร์ติดตั้ง Android ในเครื่องเหล่านั้น แต่ผู้ผลิตอย่าง Samsung และ HTC ก็จะเพิ่มการปรับแต่งดีไซน์โดยวางอยู่บนพื้นฐานของ Android แต่รวมๆ แล้วจะต่างกันตรงหน้าตา หรือที่เรียกกันว่า Skin และซอฟต์แวร์บางส่วนซึ่งทำให้ดูแตกต่างกัน
12. ถ้าอยากได้ Android โดยไม่มี Skin ล่ะจะทำอย่างไร?
ในแต่ละ Google จะสร้างอุปกรณ์ที่เป็น Android ออกมาเองโดยใช้ชื่้อว่า ?Nexus? อย่างโทรศัพท์ Galaxy Nexus และแท็บเล็ต Nexus 7 อุปกรณ์เหล่านี้จะได้อัพเดต Android version ก่อนใคร ทำให้อัพเดตเวอร์ชั่นได้เร็ว
13. อะไรคือข้อแตกต่างระหว่าง home screens กับ app drawer?
App drawer คือที่ๆ คุณสามารถหาแอพทั้งหมดที่ติดตั้งไว้บนเครื่องของคุณ ในเครื่องของ Apple ทุกอย่างจะอยู่บน home screens แต่บน Android มันจะมี home screen ให้คุณเลือกถึง 7 อัน และแอพฯ อันไหนที่คุณไม่ได้เลือกให้มาวางไว้บน home screen ก็จะยังอยู่ใน App drawer
14. Widgets คืออะไร?
Widgets ก็คือเจ้าปุ่มที่ลอยๆ อยู่ในจอแต่มีขนาดแตกต่างไปจากแอพพลิเคชั่น เช่น แสดงข้อความ แสดงเวลา แสดงจำนวนแอพพลิเคชั่นที่เปิด ฟีดบน Facebook, Twitter ของเรา ฯลฯ โดยจะมีขนาดแตกต่างกันไปแล้วแต่จะดีไซน์มา การใช้ Widgets จะช่วยให้เราประหยัดพลังงานได้เพราะเราไม่จำเป็นต้องเปิดแอพพลิเคชั่นบ่อยๆ
15. จำเป็นไหมว่าต้องใช้ Google account เพื่อจะใช้ Android?
จำเป็น มันก็คล้ายกับที่คุณต้องมี Apple ID บน iPhone, iPad แต่ด้วยบริการของ Google ดีๆ ที่มีอยู่บน Android หลายตัว น่าจะทำให้คุณหันมาใช้ Google account ได้ในที่สุด
16. จะย้ายรายชื่อผู้ติดต่อทั้งหมดลงโทรศัพท์ได้อย่างไร?
แนะให้คุณใส่รายชื่อผู้ติดต่อเข้าไปใน Gmail ทั้งหมด จากนั้นมันก็จะซิงค์อัตโนมัติเข้าไปในโทรศัพท์ของคุณ หรือคุณจะโอนย้ายผ่านทางซิมการ์ดก็ได้เช่นกัน
17. จะเซฟแบตเตอรี่ได้อย่างไรบ้าง?
วิธีการประหยัดแบตฯ มีเยอะแยะ เสิร์ชไปก็มีเยอะแยะ แต่วิธีที่เราแนะนำคือผู้ผลิตแต่ละรายมักจะมีมี Saving Mode ให้อยู่แล้ว ก็ใช้บริการนั้นเสีย จะได้ไม่เปลืองแบต
18. มีแอพ Android ด้าน productivity แนะนำบ้างไหม?
มีเพียบเลยอย่าง AnyDo นี่ก็ดี หรือจะลองพวก Evernote ก็ดีนะ
19. มีเกมไหนบน Android ที่คุณแนะนำบ้าง?
ปกติใน Google Play ก็จะมีแนะนำแอพเป็นหมวดๆ อยู่แล้ว ส่วนใหญ่จะฟรี ส่วนผู้ผลิตต่างๆ ก็มักจะมีการแนะนำแอพฯ พวกนี้ไว้อยู่แล้วเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้ หรือถ้าไม่แน่ใจก็ลองอ่านการแนะนำแอพจากเว็บต่างๆ ได้ ใน thumbsup ก็มีเช่นกัน
20. ทำอย่างไรให้โทรศัพท์ Android ของฉันปลอดภัย?
Android มี security features พวกแอพฯต่อต้านไวรัสเพียบ ลองเล่นกันดูก็แล้วกัน
ที่มา: Mashable



http://thumbsup.in.th/2012/09/android-phone-tips/

Android กับ iOS จุดเด่นและความแตกต่าง

Android กับ iOS จุดเด่นและความแตกต่าง


                      ถูกถามอยู่บ่อยๆว่าจะเอาอะไรดีระหว่างมือถือซัมซุงกับไอโฟน มันต่างกันตรงไหน…มันต่างกันโครตเยอะเลยนะ มือถือระดับไฮเอ็นสเปกมันไกล้เคียงกันหมด แต่ที่แตกต่างคือ “ระบบ” ดังนันการเลือกมือถือไม่ใช่การเลือกสเปกอย่างเดียว แต่เป็นการเลือกระบบที่ใช้ ซึ่งถ้าถามว่าอันไหนดีกว่า บอกไว้ก่อนเลยว่า ซัมซุงที่เป็น Android กับไอโฟนที่เป็น iOS มันไม่ได้ดีไปกว่ากัน
                      Android กับ iOS เหมือนอาหารไทยกับอาหารญี่ปุ่น ทั้งสองไม่ได้อร่อยไปกว่ากันหรอก แต่อยู่ที่ว่าใครจะชอบกินแบบไหน
Android - iOS
อิสระ
Android เหมือนคอมพิวเตอร์เลย ติดตั้งแอพจากไหนก็ได้ เชื่อมต่อแกับอุปกรณ์ภายนอกได้ง่าย (เสียบ USB กับคอมเครื่องไหนก็ได้) เข้าถึงไฟล์ต่างๆและปรับแต่งการตั้งค่าของเครื่องได้
ง่าย
iOS เป็นระบบที่มีความซับซ้อนน้อย จุดเด่นคือมีบริการจากส่วนกลางไม่ว่าจะเป็น iTunes, Games Center และ iCloud ทำให้ผู้ใช้รู้สึกได้ถึงความเป็นหนึ่งเดียวระบบ (บัญชีเดียวใช้บริการได้อย่างครอบคลุม) ที่น่าสนใจคือปลอดภัยจากมัลแวร์
Android - iOS
จอมพลัง
ถ้าชอบการปรับแต่งความสามารถให้กับระบบ ต้องเลือก Android สามารถลงแอพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเครื่อง ส่วนจุดเด่นของระบบนี้คือ “Multitask” สามารถทำงานได้หลายแอพพร้อมกันในเวลาเดียว
เสถียร
iOS ไม่ได้แค่ลื่นเฉพาะหน้าโฮมกรีนนะ แต่แอพต่างๆก็ไหลลื่น ประหยัดพลังงานแม้จะเปิดแอพค้างไว้ ที่สำคัญคือลงแอพมากขึ้น ประสิทธิภาพเครื่องไม่ได้ด้อยลงไปเลย
Android - iOS
นักสร้างสรรค์
สำหรับ Android แค่เปลี่ยนธีมใหม่ ก็สร้างความรู้สึกว่าเหมือนได้เปลี่ยนเครื่องใหม่ สามารถปรับแต่งโฮมสรีนได้อย่างอิสระ และสำหรับคนที่ชอบแชทเป็นชีวิตจิตใจต้องเลือก Android มีคีบอร์ดเก่งๆให้เลือกหลายตัว ที่สำคัญพิมพ์แบบ Swipe ได้
นักเล่น
iOS โดดเด่นด้านความบันเทิง ทั้งเกมส์และแอพมีให้เลือกจำนวนมากและมีคุณภาพ มีแอพระดับพรีเมี่ยมจาก Apple และที่สำคัญคือเครื่องที่ใช้ iOS รุ่นใหม่ๆ เล่นแอพเก่าๆได้เลย
สรุป
หลายๆอย่างทั้ง iOS กับ Android นั้นทำได้เหมือนกัน แต่ที่ยกมานั้นเป็นจุดเด่นที่ระบบมี เป็นสิ่งที่ผู้ใช้ระดับ “ทั่วๆไป” พึงจะสัมผัสได้ แต่ถ้าคุณอยู่ในระดับ GEEK ทั้งสองระบบ ทำอะไรได้มากกว่าที่อธิบายไป






http://makky.in.th/2375/

วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone

วิธีการเลือกซื้อมือถือ Android Phone
         
           1. เลือกเวอร์ชั่นของ Android OS
               เนื่องจาก Android(แอนดรอยด์) Phone เป็นมือถือที่มีส่วนประกอบของ ระบบปฏิบัติการเป็นส่วนสำคัญ ดังนั้นการเลือกซื้อ Android Phone จึงจำเป็นต้องพิจารณาถึง เวอร์ชั่นของ Android(แอนดรอยด์) OS ที่เราต้องการด้วยครับ ซึ่งเมื่อไปที่ร้านมือถือตั้งใจจะซื้อ Android Phone สักเครื่อง แต่แล้วเราก็จะมึนงง เพราะว่ามือถือ Android Phone แต่ละยี่ห้อใช้ Android คนละเวอร์ชั่น! แล้วเราจะเลือกยังไงกันดี แล้วเราต้องใช้รุ่นไหนยังไง.. Android Phone รุ่นไหนคุ้มไม่คุ้มยังไง… ความมืดแปดด้านของการเลือก Android Phone ก็เริ่มครอบงำเรา… งั้นเรามาดูรายละเอียดว่า Android(แอนดรอยด์) OS แต่ละรุ่นมีความสามารถอะไรกันบ้างดีกว่าครับ เราจะได้รู้ว่า โทรศัพท์ Android Phone รุ่นที่เราเล็งอยู่นั้น มันทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้าง


Android Phone ที่ ใช้ Android(แอนดรอยด์) 1.5 จะมีความสามารถหลักๆดังนี้ควบคุมด้วย Touch Screen

• ใช้นิ้วแตะเพื่อควบคุมการทำงานมือถือ
ใช้บริการ Google Service

• Web Search
• Gmail
• Calendar
• Google Map
 Social Network ใช้บริการ Social Network ผ่าน App ที่น่าสนใจหลายเว็บ

•Facebook for Android
•Twitter for Android
การติดตั้ง โปรแกรมลงใน Android Phone

•ลงโปรแกรมผ่าน Android Phone ผ่านส่วนเชื่อมต่อที่เรียกกว่า Android Market Place
กล้อง

• ถ่ายรูป และ ถ่ายวีดีโอ ได้
• Upload วีดีโอขึ้น Youtube.com และ รูปถ่ายไปยัง Picasa ได้จาก Android(แอนดรอยด์) Phone โดยตรง
ระบบเดาคำศัพท์ Text-Prediction

• ช่วยในการพิมพ์ โดย Android Phone จะช่วยเดาว่าเรากำลังพิมพ์คำว่าอะไร เพื่อลดเวลาในการพิมพ์ข้อความ
Bluetooth

• รองรับ Bluetooth A2DP / AVRCP
• เชื่อมต่ออุปกรณ์ Bluetooth Handfree อัตโนมัติ(เชื่อมต่อครั้งแรกต้อง Paire Device เหมือนมือถืออื่นๆ)
Home Screen

• สามารถวาง Widget (หน้าต่างเล็กๆเพื่อโชว์การทำงานของ App เช่น โชว์ภาพถ่าย โชว์หน้าต่างเล่นเพลง แบบ Winamp
รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 1.5

Android Phone ที่ลงระบบ Android 1.6 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.5 ดังนี้
Web History / contact list Search

• เพิ่มการค้นหาในสถิติการใช้งานเว็บไซต์ และรายชื่อ contacts ใน Android Phone
Android(แอนดรอยด์) Phone พูดได้ Text-to-Speech

• Android Phone สามารถพูดตามข้อความได้(text-to-speech) เช่นการอ่านข้อความ sms โดยเราไม่จำเป็นต้องอ่านเอง
Voice Control

• โทรออกด้วยเสียง
• Google Search ด้วยเสียง
รายการโทรศัพท์มือถือ Android(แอนดรอยด์) Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 1.6

Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.0/2.1 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 1.6 ดังนี้
Performance

• ปรับปรุงความเร็วในการทำงานของ Android ให้เร็วยิ่งขึ้น
• ปรับปรุง User Interface
• ปรับปรุง รายการติดต่อ(Contact Lists)
• ปรับปรุงการแสดงผล ขาว-ดำ
• ใช้งาน Multi-Touch Screen ได้
• ปรับปรุง คีย์บอร์ดเสมือน(คีย์บอร์ดบนหน้าจอ)
Internet Browser

• ปรับปรุง Internet Browser และพัฒนารองรับเทคโนโลยี HTML5
Google Service

• ใช้ Google Maps 3.1.2
• รองรับ Microsoft Exchange
Camera

• รองรับการใช้ Flash สำหรับการถ่ายรูป
• กล้องถ่ายรูป ซูมระดับดิจิตอลได้
Home Screen

• Live Wallpapers (วอลล์เปเปอร์ แบบเคลื่อนไหวและตอบสนองการกดหน้าจอได้ เช่น หน้าจอแบบพื้นน้ำ)
Bluetooth

• รองรับ Bluetooth 2.1
รายการโทรศัพท์มือถือ Android Phone ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Android 2.0/2.1

Android(แอนดรอยด์) 2.2 (Froyo)
Android Phone ที่ลงระบบ Android 2.2 จะมีความสามารถที่พัฒนาจาก Android 2.1 ดังนี้
Performance

• การทำงานของ Android Phone เร็วขึ้น 5 เท่า
• รองรับการลงโปรแกรมลงใน Memory Card
• เปลี่ยนภาษาบน keyboard Android Phone ได้ง่ายๆ
Internet Tethering

• ใช้ Android Phone เป็นโมเด็มสำหรับต่ออินเตอร์เน็ตให้คอมพิวเตอร์ได้(Tethering)
• แปลงร่าง Android Phone เป็น Wifi Hotspot
Internet Browser

• รองรับการใช้ Adobe Flash 10.1 (ทำงานเร็วขึ้น)
• Brower ใหม่ใช้ความสามารถของ Chrome และ JavaScript Engine
• Browser ใช้งาน file upload ได้
Google Service

• ปรับปรุงความสามารถ Microsoft Exchange สามารถ sync ปฏิทินได้
Bluetooth

• โทรออกด้วยเสียงผ่าน Bluetooth
สำหรับ โทรศัพท์ Android Phone ที่ใช้งาน Android(แอนดรอยด์) 2.2 ยังไม่มีในปัจจุบันนะครับ เนื่องจากเป็น OS ที่ทาง Google เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน แต่มี Android Phone หลายรุ่นที่สามารถอัพเกรดจาก Android 2.1 มาเป็น Android 2.2 ได้ รายละเอียดเพิ่มเติม เราต้องติดต่อทางผู้ผลิตโทรศัพท์แต่ละรุ่นว่า Android(แอนดรอยด์) Phone รุ่นนั้นลง Android 2.2 ได้หรือไม่ เนื่องจากอาจจะมีปัญหาความเข้ากันของ Hardware และปัญหาเรื่องข้อกำหนดการประกันตัวเครื่องครับ

                 
                  2. พิจารณาคุณสมบัติด้านอุปกรณ์ในตัวเครื่อง นอกจากจะต้องพิจารณา Android(แอนดรอยด์) OS แล้วเรายังต้องพิจารณาคุณสมบัติของอุปกรณ์ในเครื่องด้วยนะครับ ซึ่งประกอบไปด้วย

• หน้าจอ ใช้วัสดุอะไรในการประกอบ ซึ่งมีตั้งแต่ LCD LED AMOLED หรือ Super AMOLED ตัวใหม่แบบอินเทรนด์
• หน้าจอ รองรับการใช้ Touch screen และ multi touch screen หรือไม่
• CPU ที่ใช้เป็นยี่ห้ออะไร มีความเร็วเท่าไหร่ โดยมีหน่วยวัดเป็น Hz นะครับ คล้ายการวัดใน cpu เครื่องคอมพิวเตอร์ และแน่นอนว่า ยิ่งมีความเร็วมาก ก็ยิ่งดีครับ(ก็จะมีราคาสูงตามนะครับ)
• หน่วยความจำภายใน เนื่องจาก Android Phone ต้องการหน่วยความจำภายในตัวหลักในการลง Android OS และ App สำหรับการใช้งาน(สำหรับ Android 2.2 จะสามารถลง App ใน sd-card ได้ ปัญหาเรื่องนี้จึงไม่มี แต่ถ้าเป็น Android(แอนดรอยด์)รุ่นต่ำกว่านี้ ต้องคิดเรื่อง ความจุของหน่วยความจำให้ดีครับ)
• คุณภาพของเสียง ซึ่งผู้ผลิตแต่ละรายก็จะมี มาตรฐานการพัฒนาคุณภาพเสียงที่แตกต่างกันออกไป เป็นปัจจัยหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญครับ
• อุปกรณ์รับสัญญาณ GPS เป็นชิปประมวลผลเล็กๆที่อยู่ใน Android Phone ซึ่งเจ้าตัวนี้มีผลต่อการใช้งาน Application หลายตัวเลยนะครับ Android Phone บางรุ่นมีอุปกรณ์รับสัญญาณ GPS บางตัวก็ไม่มีครับ
• อุปกรณ์รับสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้า หรือ เข็มทิศดิจิตอล แบบที่เห็นใน iPhone นั่นเองครับ
• คุณภาพของกล้องที่ Android Phone แต่ละรุ่นก็จะมีความสามารถในการถ่ายรูปที่ไม่เท่ากันครับ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของเลนส์และหน่วยประมวลภาพ
                อย่าลืม Android Phone ประกอบด้วยส่วนของ Android(แอนดรอยด์) OS และ คุณสมบัติด้านฮาร์ดแวร์ของตัวเครื่อง ก่อนซื้ออย่าลืมตรวจสอบว่า Android Phone ที่ซื้อนั้นเป็นไปตามความต้องการของเราจริงๆ








http://www.jumnum2go.com/blog.php?blog=74